Thursday, February 16, 2017




ประวัติศาสตร์ไทย ฉบับย่อ

จากการศึกษาทางโบราณคดี ทำให้เราทราบว่าบริเวณดินแดนของประเทศไทยสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เคยมีชุมชนเล็ก ๆ อยู่ก่อนแล้วตั่งแต่ยุคหิน ซึ่งเป็นสังคมเกษตรกรรม

      ราว พ.ศ.ว. ที่ 5 การติดต่อค้าขายจากอินเดีย เป็นแรงพักดันให้ชุมชนเหล่านั้นได้รวมตัวกันเป็นชุมชนใหญ่ขึ้น ดังเช่นบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำภาคกลางตอนล่างได้เกิดเป็น อาณาจักรทวารดี (พ.ศ.ว. ที่ 11 หรือ  12- 18)
      อาณาจักรสุโขทัยเป็นอาณาจักรแรกของไทย ก่อตั่งเมื่อ พ.ศ.1781 ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นช่วงที่รุ่งเรืองถึงที่สุดในทุกด้าน ทรงประดิษฐ์ลายสือไทยเมื่อ พ.ศ.1826  ในสมัยพระยาลิไท พระพุทธศาสนาได้รับการทำนุบำรุงเป็นอย่างมาก อาณาจักรเจริญรุ่งเรืองมาถึงปี 1891 อาณาจักรจึงถูกผนวกรวมเข้ากับอาณาจักรอยุธยา
      ในปี พ.ศ.1893 พระเจ้าอู่ทองได้สถาปนาอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีการปฏิรูปทางด้านการทหาร กฎหมาย การปกครอง อีกทั้งยังเป็นยุครุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรม มีความสัมพันธไมตรีและติดต่อกับชาวตะวันตก ทว่าสงครามกับพม่าที่มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุทำให้นำไปสู่การเสียกรุงทั้ง 2 ครั้ง  ครั้งแรกในปี พ.ศ 2112 ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชสามารถกู้กรุงคืนได้ในอีก 15 ปีต่อมา ครั้งที่สองเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2310 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดของอาณาจักรที่ดำเนินมา ถึง 417 ปี มีกษัตริย์ปกครอง 33 พระองศ์ 5 ราชวงศ์
      หลักจากอาณาจักรอยุธยาเสียกรุงให้แก่พม่า แม่ทัพอยุธยาคนหนึ่งนามว่า พระยาตาก (สิน) สามารถรวบรวมชาวไทยกู้กรุงคืนได้ในปีเดียวกันนั้น ได้สถาปนาเมืองธนบุรีเป็นราชธานี ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ในปี พ.ศ. 2311 ทรงทำศึกสงครามกับต่างชาติและปราบก๊กต่าง ๆ ตลอดราชการเป็นเวลา 15 ปีเพื่อรวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่น บ้านเมืองมีความเข้มแข็งกลายเป็นศูนย์กลางทางอำนาจในภูมิภาคนี้อีกครั้ง ปลายราชการพระองศ์เกิดสติวิปลาส บ้านเมืองเกิดการจลาจล ในปี 2325 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงได้ปราดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ สถาปนาราชวงศ์จักรีขึ้น      แล้วย้ายเมืองหลวงมาทางฝั่งรัตนโกสินทร์ สถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นเมืองหลวง
      ในตอนต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการพัฒนาประเทศทุก ๆ ด้าน มีการสร้างและบูรณะวัดวาอารมและพระพุทธรูป มีการขุดคลองเพื่อให้เป็นเส้นทางคมนาคม ชำระกฎหมาย  สังคยนาพระไตรปิฎก และฟื้นฟูศิลปะวิทยาการมากมาย
      พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงได้นำพาความก้าวหน้าจากชาติตะวันตกมาสู่ประเทศ สืบเนื่องจากรัชกาลที่ 4 ทรงเริ่มไว้  ทรงปฏิรูปการเมือง การปกครอง เลิกทาส นำพาประเทศสู่ความเป็นอารยะประเทศ  ในรัชกาลนี้เป็นเวลาที่ชาติตะวันตกกำลังแผ่อิทธิผลมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทรงดำเนินนโยบายทางการเมืองและการทูตได้อย่างเหมาะสม ทำให้ประเทศยังคงรักษาความเป็นเอกราชไว้ได้ แม้จะต้องเสียดินแดนบางส่วนเพื่อเป็นการแลกก็ตาม
      ในปี พ.ศ. 2475 ประเทศได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยตรงกับสมัยรัชกาลที่ 7
      สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เปลี่ยนชื่อจากสยาม มาเป็นประเทศไทย แต่ประเทศก็ประสบกับปัญหาล้มลุกคลุกคลานทั้งในด้านการเมืองภายใน และจากภายนอกอันเนื่องมาจากสงครามโลก แต่ประเทศก็ยังรักษาเอกราชเอาไว้ได้อีกครั้ง
      ประเทศไทยในยุคปัจจุบันได้ขยายตัวและพัฒนาไปสู่ความเป็นตะวันตกอย่างรวดเร็วในทุก ๆ ด้าน เป็นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยทรัยกรธรรมชาติและแฝงไว้ด้วยวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วิถีชีวิตของประชาชน ที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวไม่เหมือนที่ใด จนกลายเป็นประเทศที่คนทั่วโลกต่างต้องการมาสัมผัส ค้นหา และชื่นชมให้ได้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต



ประวัติความเป็นมาของกาตูน
--------------------------------------------------------------------------------
ทอม กับ เจอรี่ เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ วิลเลี่ยม ฮันน่า กับ โจเซฟ บาร์เบร่า ผู้ให้กำเนิด Hanna Barbera Studio และได้ผ่านมือของผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง มากความสามารถหลายต่อหลายคน ก่อนที่แมวหนูคู่นี้จะกำเนิดขึ้นนั้น ขอย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 30 ทั้งฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้เข้าร่วมงานกับ MGM cartoon studio ซึ่งตัวการ์ตูนที่ทั้งสองคนได้คิดค้นนั้น ก็เป็นตัวการ์ตูนแมวกับหนู ในหนังอนิเมชั่นชื่อ Puss Gets the Boot ซึ่งสร้างเสร็จปี 1939 และออกฉายในโรงวันที่ 10 ก.พ.1940 โดยหนังดังกล่าวจะเน้นเรื่องราวของแมวสีเทาที่มีชื่อว่า แจสเปอร์ พยายามที่จะจับหนูตัวนึง จนข้าวของภายในบ้านพัง และเจ้าแจสเปอร์ก็ถูก"คุณแม่ 2 ขา"จับโยนออกนอกบ้านไป....แม้ว่าหนังอนิเมชั่นเรื่องดังกล่าวจะไม่ประสบความ สำเร็จ แต่ก็กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของทอม กับ เจอรี่ ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
ต่อจากนั้น ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ก็ง่วนกับการทำอนิเมชั้นเรื่องสั้นเนื้อหาอื่นๆ จนกระทั่ง โปรดิวเซอร์ เฟรด ควิมบี้ ได้ขอร้องให้ทั้งคู่กลับมาทำอนิเมชั่นเนื้อหาหนูกับแมวอีกครั้ง ซึ่งทั้งคู่ก็ยินดี ฮันน่า กับ บาร์เบร่าจึงได้จัดการประกวดชื่อของตัวการ์ตูนคู่หูหนูแมวคู่ใหม่ของเขาภาย ในสตูดิโอ และก็มีคนเสนอหลายชื่อจนกระทั่ง จอห์น คาร์ อนิเมเตอร์คนหนึ่ง ได้เสนอชื่อ "ทอม" กับ "เจอรี่" ขึ้นมา ซึ่งทั้งคู่ก็ชอบอกชอบใจชื่อนี้มาก ก็เลยกลายเป็นชื่อของตัวการ์ตูนแมวหนูของเขาไปโดยปริยาย และเจ้าทอมกับเจอรี่ได้ปรากฏตัวครั้งแรกกับหนังอนิเมชั่น The Midnight Snack ปี 1941
ในปี 1946 ทอมกับเจอรี่ได้รับรางวัล Academy Award จากหนังอนิเมชั่นชุด The Cat Concerto แม้ว่าเรื่องนี้ยังคงเน้นธีมแมวไล่จับหนูอยู่เหมือนเดิม แต่ ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้พัฒนาพล็อตเรื่องให้มีความหลากหลาย ไม่รู้จบ ทำให้ทอมกับเจอรี่กลายเป็นการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ MGM ซึ่งซีรี่ย์ทอมกับเจอรี่ รวมถึง Puss Gets the Boot ได้เข้าชิง Academy Award ถึง 13 รางวัล และคว้ามาได้ถึง 7 รางวัลด้วยกัน มากกว่าตัวการ์ตูนตัวอื่นๆเสียอีก..... ทว่าในช่วงที่ทอมกับเจอรี่กำลังได้รับความนิยมสูงอยู่นั้นเอง สื่อโทรทัศน์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น จนมีผลกระทบต่อบริษัทหนังต่างๆ ซึ่งรวมไปถึง MGM ที่มีปัญหาเรื่องการเงินจนปิดตัวในปี 1957 ถัดจากนั้น 1 ปี ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้ก่อตั้งสตูดิโอของตนเอง เพื่อผลิตผลงานภาพยนตร์ และ รายการโทรทัศน์ ซึ่งต่อมาก็ได้หยิบเอาทอม กับ เจอรี่ กลายเป็นอนิเมชั่นบนหน้าจอโทรทัศน์จวบจนถึงปัจจุบัน
หลังจากการปิดตัวของ MGM ทอม กับ เจอรี่ ก็ถูกบรรดาโปรดิวเซอร์อย่าง จีน ไดทช์ แห่ง Rembrandt Films และ ชัค โจนส์ นำไปทำใหม่ จนกระทั่งกลางยุค 60 ทอมกับเจอรี่ ถูกนำไปฉายทางโทรทัศน์
ลักษณะการดีไซน์ตัวละคร ทอมจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณะไปเรื่อยๆ จากที่ช่วงแรกๆ จะมีลักษณะเป็นแมวขนดก หน้ากลมบ๊อก จนกระทั่งปลายยุค 40 ทอมมีลักษณะกลายเป็นแมวที่ลดทอนรายละเอียดลง และเคลื่อนไหวด้วย 2 เท้าจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผิดกับเจอรี่ ที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เลย โดยในช่วงกลางยุค40 มีการเสริมความตื่นเต้นของเนื้อเรื่อง ไปพร้อมๆกับความรุนแรงที่แฝงมากับเนื้อเรื่องมากขึ้น

   
      ทายสัตว์
  1. โคอาลา (Koala) สำหรับเจ้าสัตว์ป่าน่ารัก ๆ ตัวนี้ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่นอนเก่งเอามาก ๆ โดยโคอาล่าจะใช้เวลานอนเกือบ 22 ชั่วโมงต่อวัน และจะตื่นขึ้นมาเพียง 2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อกินอาหาร หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ โคอาลามักถูกพบในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของออสเตรเลีย และแทสเมเนีย โดยโคอาลาตัวเมียที่มีสุขภาพดีมาก ๆ จะสามารถออกลูกได้ 1 ตัวต่อปี ในตลอดช่วงเวลา 12 ปี ทั้งนี้ โคอาลาจะกินใบยูคาลิปตัสเป็นอาหาร

 สลอธ (Sloth) สำหรับเจ้าตัวนี้ หลายคนมักเรียกว่า ตัวเฉื่อยชา เพราะนอกจากจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าแล้ว สลอธยังนอนนานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ สลอธเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดกลางที่กินแมลง สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก และนก เป็นอาหาร แต่ส่วนใหญ่สลอธจะนิยมกินใบอ่อน หรือยอดอ่อนของพืช เสียมากกว่า ส่วนถิ่นที่อยู่อาศัยนั้น คือ ป่าดิบชื้นของอเมริกากลาง และอเมริกาใต้

ตัวนิ่ม (Armadillo) สำหรับเจ้าสิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้าย ๆ หนู แต่มีเปลือกแข็งเป็นเกราะป้องกันตัวนี้ ถือเป็นสัตว์อีกชนิดที่มีช่วงระยะเวลาในการนอนยาวนานกว่าสัตว์ทั่ว ๆ ไป โดยตัวนิ่มจะใช้เวลานอนถึง 19 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว ทั้งนี้ เรามักพบตัวนิ่มในรัฐต่าง ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา อาทิ เทกซัส เซาท์แคโรไลนา และฟลอริดา

โอพอสซัม (Opossum) เป็นสัตว์กินพืช และแมลงเล็ก ๆ ที่มีกระเป๋าหน้าท้องไว้เลี้ยงลูกเหมือนจิงโจ้ โอพอสซัมจะใช้เวลานอนนานพอ ๆ กับตัวนิ่ม คือ 19 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งหมายความว่า โอพอสซัม จะตื่นขึ้นมาเพียง 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น 

ลีเมอร์ (Lemur) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับลิง แต่ส่วนของศีรษะคล้ายสุนัขจิ้งจอก มีดวงตากลมโต ขนหนาฟู มีหางยาวเป็นพวงเหมือนกระรอก สำหรับเจ้าลีเมอร์นี้จะใช้เวลานอนราว 16 ชั่วโมงต่อวัน โดยพบมากในมาดากัสการ์ ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่บนต้นไม้ และกินทั้งเนื้อสัตว์ พืชผักและผลไม้เป็นอาหาร

 แฮมสเตอร์ (Hamster) เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่จัดว่านอนนานที่สุด โดยจะใช้เวลานอนประมาณ 14 ชั่วโมงต่อวัน แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่มีถิ่นอาศัยในทุกส่วนของโลก และคนส่วนใหญ่ยังนิยมเลี้ยงแฮมสเตอร์เป็นสัตว์เลี้ยง เนื่องจากเป็นสัตว์ขนาดเล็ก และมีหน้าตาน่ารักนั่นเอง

กระรอก (Squirrel) เจ้าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ น่ารักนี้ ใช้เวลานอนยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ปกติเรามักจะเห็นกระรอกปีนป่ายต้นไม้ไปมาอย่างคึกคัก แต่แท้จริงแล้วกระรอกใช้เวลานอนถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน กระรอกเป็นสัตว์ที่มีถิ่นอาศัยในทุกส่วนของโลก และในปัจจุบันยังมีผู้ที่นิยมเลี้ยงกระรอกเป็นสัตว์เลี้ยงอีกเป็นจำนวนมาก

แมว (Cat) สัตว์เลี้ยงสุดฮิตที่นิยมกันทั่วทุกมุมโลก ไม่น่าเชื่อว่าแมวจะติดโผรายชื่อนี้กับเขาด้วยเช่นกัน โดยพบว่าแมวจะใช้เวลานอนถึง 13 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว

หมู (Pig) คนส่วนใหญ่มักจะเห็นแต่ภาพหมูกินอาหาร เพราะหมูได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่กินจุมาก แต่รู้กันไหมเอ่ย ว่าหมูใช้เวลานอนถึง 13 ชั่วโมงต่อวัน เทียบเท่ากับแมวเลยทีเดียว

 ตัวกินมดหนาม (Spiny Anteate) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เออคิดนา (Echidna) ตัวกินมดหนามมีรูปร่างคล้ายกับเม่นตัวเล็ก ๆ มีขนหยาบ และขนหนาม ในบ้านเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากับเจ้าสัตว์ชนิดนี้กันเท่าใดนัก ตัวกินมดหนามมีถิ่นที่อยู่อาศัยในเกาะนิวกินี และประเทศออสเตรเลีย พวกมันจะใช้เวลานอนประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน จึงติดโผสัตว์ที่ใช้เวลานอนนานที่สุดของโลกนั่นเอง

แอปเปิ้ล - คุณเป็นคนอดทน สู้งาน และมีความรับผิดชอบสูง เมื่อไรก็ตามคุณได้รับมอบหมายงานชิ้นหนึ่งชิ้นใด คุณมักจะทำอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าจะยากลำบากมากแค่ไหน แต่สำหรับเรื่องความรักแล้วกลับตรงกันข้าม คุณเป็นคนที่รักง่าย หน่ายเร็ว ไม่ค่อยอดทนในเรื่องรัก
องุ่น - ไม่บ่อยนักที่คุณจะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของคุณ แก่คนที่คุณเพิ่งรู้จักครั้งแรก ดังนั้นคุณจะดูไม่น่าสนใจนัก สำหรับคนที่ไม่รู้จักคุณดี แต่ถ้าเป็นเพื่อน ๆ ในกลุ่มของคุณล่ะก็ คุณนับเป็นดาวเด่นเลยล่ะ
กล้วย - คุณเป็นคนขี้ใจน้อย ขี้งอน แต่ไม่ค่อยแสดงออก ภายนอกดูจะเป็นคนเงียบขรึม เข้มแข็ง แต่ภายในแล้วคุณอารมณ์คุณช่างอ่อนไวเหลือเกิน จะเรียกแข็งนอกอ่อนในก็ว่าได้
แตงโม - คุณมีความตื่นตัวกระฉับกระเฉงตลอดเวลา ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างไร้ค่า คุณมักจะมองโลกในแง่ดี และไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับ ปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา เนื่องจากคุณมั่นใจว่าปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ เมื่อถึงเวลาที่ควร
ชมพู่ - คุณเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนสูง ไม่ชอบขัดใจคนอื่น รักเพื่อนมากกว่าตัวเอง และค่อนข้างที่จะมองโลกในแง่ร้าย
ส้ม - คุณเป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่าย ร่าเริงสนุกสนาน ใครชวนไปไหนก็ไป เชื่อคนง่าย รู้เรื่องคนอื่นไปซะหมด แต่เรื่องตัวเองไม่ค่อยรู้
มังคุด - คุณเป็นคนช่างฝัน อารมณ์อ่อนไหว โรแมนติก ตกหลุมรักได้บ่อย ๆ ไม่มีเบื่อ เห็นใครถูกใจก็เก็บเอาไปฝัน แต่ไม่นานก็ลืม พอเจอคนใหม่ก็เป็นอีก เพลงเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดเลย ของนูโว ดูจะเหมาะกับคุณนัก
มะม่วง - คุณเป็นคนชอบความท้าทาย มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ชอบทดลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ กับเรื่องความรักก็ไม่เว้น คุณชอบหารักใหม่ ๆ เสมอ หรือเรียกอีกอย่างว่าเจ้าชู้นั่นเอง
สตรอเบอรี่ - คุณรักความสบาย ชอบอยู่อย่างหรูหราฟู่ฟ่า ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวต้องสวย เฉียบ เนียบ เสมอ จัดว่าคุณมีรสนิยมในการแต่งกายไม่ใช่เล่น คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี ชอบเข้าสังคม คุยสนุก และมีอารมณ์ขัน ทำให้เพื่อนในวงสนทนาหัวเราะได้ตลอดเวลา
สับปะรด - คุณเป็นคนที่ช่างเอาอกเอาใจคน คอยเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนของคุณตลอดเวลา หากใครมีเรื่องทุกข์ร้อนขอให้บอก คุณยินดีช่วยเสมอ
ลูกแพร - คุณเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน ใจดี และมักจะมองคนที่อยู่รอบข้างคุณในแง่ดีเสมอ ไม่เคยคิดร้ายกับใคร จึงทำให้เป็นที่เคารพ รักใคร่ของผู้คนที่ได้รู้จัก
เงาะ - คุณเป็นคนขี้เล่น อยู่ไม่ค่อยเป็นสุข ชอบแหย่คนโน้นคนนี้ที หากอยู่ในวงสนทนา คุณก็มักจะเป็นตัวโจ๊กประจำวง คอยปล่อยมุขเด็ด ๆ ให้ได้เฮกัน
ทุเรียน - คุณเป็นคนที่มี 2 บุคลิกในตัวเอง อยู่นอกบ้านใคร ๆ ก็มักจะกลัวคุณ แต่เมื่อกลับถึงบ้าน คุณจะกลายเป็นคุณหนูในทันที คุณเป็นคนใจกว้าง เอื้อเฟื้อ ใครมีปัญหามักจะมาขอให้คุณช่วยเสมอ และมักจะเป็นผู้นำในการทำกิจกรรมของกลุ่มเพื่อน
มะพร้าว - คุณออกจะเป็นคนเจ้าสำอาง ไม่ชอบการใช้กำลัง และการทำงานหนัก ไม่ชอบทำงานกลางแจ้ง คุณเหมาะกับงานในออฟฟิศมากกว่า ข้อดีของคุณคือ คุณเป็นคนใจเย็น ประณีต งานที่ใช้ฝีมือน่ะต้องยกให้คุณเลย
ฝรั่ง - คุณเป็นคนที่ค่อนข้างสมบุกสมบัน ลุยไหนลุยกัน ชอบท่องเที่ยวสูดกลิ่นไอธรรมชาติ เป็นคนรักเดียวใจเดียว มั่นคง แต่มักจะโดนหักอกอยู่บ่อย ๆ



  ชอบสีฟ้า

คนที่ชอบสีฟ้า เป็นคนที่ชอบทำอารมณ์โรแมนติก รักเดียวใจเดียว และก็โกรธง่ายหายเร็ว เป็นคนรักความสงบ มองโลกในแง่ดี น่าเชื่อถือ ดูจากภายนอกจะเป็นคนสุขุม แต่ภายในแล้วกลับเป็นคนที่มีจิตใจหวั่นไหวง่าย อ่อนแอ มีเรื่องมากระทบจิตใจนิดหน่อยก็ทำให้รู้สึกเป็นทุกข์


ทะเลตราด ได้ชื่อว่าเป็นทะเลที่งดงามไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่เรียงรายท่ามกลางพื้นน้ำของทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก โดยมีเกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีเกาะกูด ที่ได้รับสมญานามว่า “อัญมณีแห่งอ่าวไทย” หมู่เกาะทางฝั่งทะเลตราดถือได้ว่าเป็นทะเลที่น่าเที่ยวมาก เพราะน้ำทะเลสวยใส หาดทรายขาวบริสุทธิ์ มีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง ร่มรื่นไปด้วยต้นมะพร้าว โอบล้อมด้วยทิวเขา และที่โดดเด่นที่สุดก็คือ เวลาเรานอนเล่นที่ชายหาดของทะเลตราด “เราจะไม่รู้สึกเหนียวตัว” เพราะความชื้นสูงจากต้นไม้ไปกดไอทะเลเอาไว้ ทำให้เรารู้สึกสดชื่นตลอดเวลา  ทะเลตราดจึงเหมาะกับการพาตัวเองมาชาร์ตแบตให้หายจากความอ่อนล้าในการทำงานยิ่งนัก

เกาะช้าง
เกาะช้าง ใหญ่สมชื่อเพราะเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากเกาะภูเก็ต  เกาะนี้มีภูมิทัศน์ที่หลากหลายทั้งในส่วนของทะเล ภูเขา น้ำตก และป่าชายเลนอันอุดสมบูรณ์  ชายหาดที่มีอยู่มากมายของเกาะช้างอยู่เลียบไปตามชายฝั่งตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น หาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หาดไก่แบ้  โลนลี่บีช หาดท่าน้ำ อ่าวใบลาน อ่าวบางเบ้า หาดคลองกลอย ส่วนฝั่งตะวันออกจะเป็นพื้นที่ของชุมชนชาวสวนผลไม้และชาวประมง หากกล่าวถึงความสวยใสของน้ำทะเลและหาดทรายที่เกาะช้างนั้น อาจสวยไม่เท่ากับเกาะอื่นในทะเลตราด แต่หากพูดถึงความเพรียบพร้อม ความสะดวกสบายของที่พักรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ บนเกาะแล้วล่ะก็  เกาะช้างจะเป็นตัวเลือกแรกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเที่ยวทะเลตราดเลยทีเดียว
เกาะกูด
เกาะกูด มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในทะเลตราดรองจากเกาะช้าง เป็นเกาะสุดท้ายในน่านน้ำทะเลตราด ที่สามารถนั่งเรือไปเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และด้วยความสวยของน้ำทะเลสีมรกตบนชายหาดนี้เอง จึงทำให้เกาะกูดได้รับการขนานนามว่าเป็น “อัญมณีทะเลตะวันออก” สำหรับชายหาดที่ต้องไปแวะเก็บภาพดงมะพร้าวเรียงราย ประกอบด้วย อ่าวคลองยายกี๋ อ่าวตะเภา หาดคลองเจ้า อ่าวง่ามโข่ อ่าวบางเบ้า หาดตะเคียน หาดคลองหิน อ่าวจาก และอ่าวพร้าว ซึ่งทุกหาด มีทะเลน้ำใสน่าแหวกว่ายดูปลาชมปะการัง อีกทั้งยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติไว้ได้ดีทีเดียว มีภูเขาและที่ราบสันเขา ร่มรื่นไปด้วยทิวมะพร้าวริมหาด และป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ บนเกาะกูดยังมีที่เที่ยวให้โต๋เต๋หลายที่อีกด้วย แต่ที่ต้องไปก็คือ น้ำตกคลองเจ้า ต้นไม้ยักษ์ เขาเรือรบ จุดชมวิวบ้านอ่าวใหญ่ ธรรมชาติอันเงียบสงบของเกาะกูด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเที่ยวและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

เกาะหมาก
เกาะหมากดินแดนต้องมนต์ ที่ใครได้มาถึงต้องถูกสะกดด้วยความสงบ สวยงามและเรียบง่ายที่ยังคงวิถีชาวบ้านแบบดั้งเดิมไว้ เกาะหมากวันนี้ ได้กำหนดให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ในด้านการเป็นเกาะที่มีการจัดการสิ่งแวดล้อม Low Carbon Destination เพื่อเป้าหมายในการคงความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ โดยใช้การจัดการสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัวจับแนวทางในด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซล การคัดแยกขยะเพื่อการกำจัดอย่างยั่งยืน การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การเชื่อมโยงวิถีชีวิตชุมชนกับการท่องเที่ยว มีการใช้วัตถุดิบบนเกาะมาเป็นเมนูอาหาร เช่น การใช้ปลาทะเลที่หาได้จากเรือประมงของชาวบ้าน แทนการนั่งเรือออกไปซื้อปลายอดนิยมจากบนฝั่งมาขายให้นักท่องเที่ยว มีการปลูกผักสลัด ผักสวนครัว ไว้รับประทานเองด้วย นอกจากบรรยากาศชายหาดของเกาะหมากแล้ว กิจกรรมการปั่นจักรยานบนเกาะแห่งนี้ ถือได้ว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะเส้นทางที่ไม่ยากนัก จะพาลัดเลาะไปตามชุมชน ร้านค้า ชายหาด ป่าเขาน้อยใหญ่ ผ่านสวนมะพร้าว สลับเนิน ซึ่งจะสร้างความสนุกสนานให้เกิดขึ้นภายในครอบครัวและเพื่อนฝูงได้เป็นอย่างดี
 เกาะขาม
เกาะขาม ไข่มุกมรกตแห่งทะเลตราด เกาะขาม เป็นเกาะส่วนตัวเล็กๆ ตั้งอยู่ใกล้กับเกาะหมาก ลักษณะเด่นของเกาะขาม คือ มีธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ หาดทรายขาวและสันทรายทอดยาวออกไปในทะเลประมาณ 300  เมตร  และมีกองหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติตั้งเรียงรายกับแนวปะการังหลากชนิด เกาะขามเป็นเกาะที่นั่งเรือข้ามมาเที่ยวได้อย่างสะดวก โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 15 นาทีจากอ่าวสวนใหญ่ เกาะหมาก  เราก็จะได้พบกับน้ำทะเลสีฟ้าใส นิ่งสงบ และหาดทรายสีขาวละเอียดราวกับแป้งฝุ่น  ถึงแม้เกาะขามเป็นเกาะเล็กๆ แต่มีธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้เกาะอื่นในทะเลตราดเลยทีเดียว






ประวัติ เกาะช้าง

สำหรับ อุทยานแห่งชาติหมู่ เกาะช้าง หรือที่นิยมเรียกกันจนติดปากว่า เกาะช้าง นั้นตั้งอยู่ในเขตแหลมงอบ จังหวัดตราด และเป็นจังหวัดชายแดนภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยเกาะช้างนับว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ในทะเลอ่าวไทย และเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศรองลงมาจากเกาะภูเก็ต มีพื้นที่รวม 268,125 ไร่ จากลักษณะการเรียงตัวกันของบรรดาหมู่เกาะน้อยใหญ่รวมกว่า 52 เกาะ มีลักษณะคล้ายกับรูปโขลงช้างเดินเรียงตัวกัน จึงเป็นสาเหตุให้เรียกหมู่เกาะแห่งนี้ว่า เกาะช้าง โดยลักษณะส่วนใหญ่ของเกาะช้างมีภูมิประเทศที่เป็นเขาสูง มีผาหินสลับซับซ้อน มียอดเขาที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาสลักเพชร อีกทั้ง เกาะช้าง ยังมีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ และเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะเป็นป่าดิบเขาทำให้เกิดเป็นน้ำตกหลายสาย
โดยในช่วงฤดูที่เป็นต้นฝนปลายร้อนแบบนี้ อากาศก็เหมาะเป็นอย่างมากในการเดินทางไปตากลมชมวิวไกลสุดลูกหูลูกตาที่ทะเล ซึมซับบรรยากาศดีๆ ผ่อนคลายสมองด้วยการมองดูน้ำทะเลใสๆ รับลมทะเลกันสักหน่อยก็น่าจะฟินไม่น้อยอยู่เหมือนกัน สนุก! ท่องเที่ยว เลยขอแนะนำ “ เกาะช้าง ” สถานที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จะทำให้คุณสุขใจสุดๆ ที่ได้มา
ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายัง เกาะช้าง ได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่ถือว่าเป็นฤดูการท่องเที่ยวของที่นี่คงหนีไม่พ้นช่วงหน้าร้อน โดยสำหรับที่นี่แล้วถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูร้อนแต่อากาศบนเกาะจะไม่ร้อนมาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้น มีภูเขาสูง เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสาย รวมถึงน้ำตกต่างๆ ที่อยู่บนเกาะ ส่วนพื้นที่ราบบริเวณเชิงเขาจะเป็นพื้นที่สำหรับการปลูกยางพาราและผลไม้ของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะ อาทิ สับปะรด แตงโม ทุเรียน เป็นต้น อีกทั้งยังมี 8 หมู่บ้าน ได้แแก่ สลักเพชร สลักคอก เจ้กแบ้ บ้านด่านใหม่ คลองสน คลองพร้าว คลองนนทรี และบ้านบางเบ้า มีสถาที่ราชการ อำเภอ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล และเป็นที่ตั้งอุทยานฯหมู่ เกาะช้าง พื้นที่บางส่วนก็ยังเป็นสถานที่พักแรม ร้านอาหาร ตลอดจนสถานบันเทิงต่างๆ ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอีกด้วย
การมาเที่ยวที่ เกาะช้าง มีกิจกรรมให้เลือกหลากหลายแล้วแต่ความชอบจะเป็นว่ายน้ำเล่นที่ชายหาด เที่ยวน้ำตก ปีนเขา เดินป่า ขี่ช้าง ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ล่องเรือ ตกปลา ไดหมึก หรือจะไปดำน้ำดูปะการังท่ามกลางฝูงปลาน้อยใหญ่สีสันสวยงามแปลกตาตามหมู่เกาะรังหรือเกาะหวาย ที่นี่น้ำทะเลสวยใสมากทำให้เห็นปลาและปะการังได้อย่างชัดเจน เพียงแค่นำเรือมาจอดตรงจุดดำน้ำเหล่าปลาสลิดหินลายก็ออกมาต้อนรับกันอย่างคับคั่งสามารถมองเห็นได้แม้อยู่บนเรือเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้สำหรับแขกผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก และเมื่อได้ดำน้ำลงไปก็สามารถเห็นปลาอีกหลากหลายชนิด เช่น ปลานกแก้ว ปลาปักเป้าลูกไก่ ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ดอกไม้ทะเล หอยเม่น ปลิงทะเล ฯลฯ ดูเหมือนว่าเรากำลังว่ายน้ำอยู่ในตู้ปลาขนาดใหญ่

การเดินทางไปเกาะช้าง

มาที่จังหวัดตราดนั้นประมาณ 300 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร ระหว่างทางนักท่องเที่ยวสามารถแวะพักดื่มกาแฟที่ร้านหลวงปู่กาแฟสด L.P Coffee ร้านสวยบรรยากาศดี มีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายเมนู อยู่ระหว่างทางจากระยองมุ่งสู่จังหวัดจันทบุรี ร้านอยู่ติดทางหลวงหมายเลข 3 ฝั่งตรงข้ามทางแยกเข้าร้านตำนานป่า มีป้ายบอกชื่อร้านอย่างเด่นชัด เมื่อพักหายเหนื่อยแล้วก็ขับรถมุ่งตรงมายังจังหวัดตราด มาที่แหลมงอบ ที่นี่มีท่าเรือเฟอร์รี่ให้ลงได้ 2 จุด คือ ท่าเรือ เกาะช้าง เฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติและท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์เฟอร์รี่ สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลข้ามไปได้ ถนนบนเกาะลาดยางสะดวกสบาย แต่มีเพียงบางช่วงที่ทางค่อนข้างลาดชันจึงควรขับรถด้วยความระมัดระวัง ที่สำคัญบนเกาะนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน